FORCE CAPACITY VS FORCE EFFICIENCY

แข็งแรงอย่างเดียวไม่พอต้องแม่นด้วย
Force capacity กับ Force efficiency มันต้องมีทั้งคู่ในทางกีฬา ทุกกีฬา ร่างกายสำคัญ เทคนิคก็สำคัญ
สปอย!! ในคอร์สเรียน Build Distance Runner นั้นเรา Phongsakon Wichaiworayan คุยกันเรื่อง คุณเป็น #ค้อน หรือเป็น #ช้อน
 
May be an image of 3 people and text that says "BUILD DIO RUNNER MUSCLE NNER MUSGLE FORCE CAPACITY DISTANCE BUILD CLINICZ DERFORMAHK BUILD DIST RUNNER UILD RUNNER ISTANCE You are a hammer or spoon? RUNNER ISTANGE BUI RUNNER DISTANCE BUILD Ε RUNNE UILD RUNNER QUILD DISTANCE RUN"
 
 
🔨
ถ้าคุณเป็นค้อนที่พละกำลังมาก ตอนตะปูทีเดียวมิดไม้เลย สุดยอดมาก
🥄
แต่ถ้าตอกไม่โดน หมิ่นบ้าง ผิดเหลี่ยมบ้าง พละกำลังอาจจะทำให้ตะปูเบี้ยวได้ การตอกครั้งต่อๆไปอาจจะลำบากไปอีก
 
ถ้าคุณเป็นช้อนทีพละกำลังไม่มีเลย ตีให้โดนตะปูยังไง ก็แทบไม่กินเนื้อไม้เลย คงต้องตีเป็นวัน ต่อให้คุณตอกแม่นแค่ไหนก็ตาม
 
เช่น
🥊
ต่อยมวย เราapply forceเข้าหน้าคู่ต่อสู้
🏊‍♂️
ว่ายน้ำ เราapply forceลงบนผิวน้ำ
🏃‍♂️
วิ่ง เราapply forceลงกับพื้น
 
มันสำคัญทั้งสองมิติ ไม่ใช่ว่าเราต่อยแรง แล้วจะโดน หรือโดนแล้วจะเจ็บ ไม่ใช่ว่าเราตีน้ำแรง แล้วเราจะพุ่งไปได้ไว ไม่ใช่เราเหยียบพื้นแรง แล้วเราจะดีดตัวไปได้ไกล
 
ในมิติของกีฬานั้นมันถึงต้องมีทั้ง Force capacity (ความสามารถในการออกแรงที่ดี) กับ Force efficiency (ความสามารถในการส่งแรงไปถึงเป้าหมายแบบมีคุณภาพ)
 
✅
เราไม่จำเป็นต้องต่อยสุดแรง แต่ถ้าโดนจุดเก็บบิล มันก้ร่วงได้
✅
เราไม่จำเป็นต้องตีน้ำสุดแรง แต่ถ้าเล่นกับdragดีๆ เทคนิคดีๆ ก็พุ่งไปในน้ำได้
✅
เราไม่จำเป็นต้องกระทืบเท้าสุดแรง แต่ถ้าหาจังหวะดีดๆ ลงพื้นดีๆ ก็ดีดตัวไปข้างหน้าได้
 
การใส่แรงเยอะ แต่ให้ผลลัพธ์น้อย เราอาจจะใช้คำว่า energy leak ก็ได้ สิ้นเปลืองเปล่าๆ
 
📌
ผมมองว่า พื้นฐานคือ Force capacity ที่ดีและเพียงพอ
จากนั้นต่อยอดด้วย Force efficiency ที่เหมาะสมกับเป้าหมายกีฬา
ถ้าเราเอาแต่นักกีฬาไปฝึก Force efficiency เราจะเหมือนฝึกช้อนให้ตอกตะปู
ถ้าเราเอาแต่นักกีฬาไปฝึก Force capacity เราจะเหมือนฝึกค้อน ที่ไปวัดเอาวะจะตอกโดนบ้างไม่โดนบ้าง
 
⏱️
และแน่นอนว่า...ในทุกกีฬา มี "ช่วงเวลา" ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกแต่ละแบบ

This article was updated on มิถุนายน 8, 2025