High Intensity matters

High Intensity matters

Journal of Exercise Physiologyonline มีงานวิจัยนึงลงใหม่เดือนนี้น่าสนใจ

ซึ่งเขาทดสอบกับคนที่เริ่มมีปัญหาสุขภาพ อย่างการเป็น pre-diabetes ที่เริ่มมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

ปัญหาใหญ่นึงสำหรับ คนที่เป็นโรคเบาหวานและมีภาวะดื้อต่ออินซูรินที่ร่างกายมักแสดงออกได้คือ การ #ขยายตัวของหลอดเลือดที่แย่ลง ทำให้เรามักจะพบว่าคนเป็นเบาหวานนั้นมีปัญหา vascular dysfunctionร่วมบ่อยครั้ง

ในงานวิจัยนี้ทดสอบการทำ Cardio 3 กลุ่ม โดยดูผลแบบทันทีหลังคาดิโอจบ ว่าแบบไหน ส่งผลให้หลอดเลือด #มีการขยายตัวได้ดีขึ้น มากกว่ากัน

จะมีกลุ่มที่ทำ HIIT หนักสลับเบา 8รอบ
กลุ่มCon ทำเดินช้าๆ ต่อเนื่อง35นาที
และกลุ่ม Com ครึ่งนึงทำHIIT และอีกครึ่งทำเดินช้า

โดยเขาพบว่า ค่า Flow mediated dilation หรือค่า FMD ที่เป็นหนึ่งใน marker ที่บ่งบอกว่าหลอดเลือดขยายตัวได้ดีแค่ไหนเวลามีเลือดflowเข้ามาเยอะๆ

เขาพบว่ากลุ่มที่มีการทำ HIIT ร่วมในโปรแกรม ทั้ง HIIT และ Com มีการขยายตัวที่ดีขึ้น ทันทีหลังออกกำลังกายจบเกือบ 20%

ในขณะที่กลุ่มเดินเรื่อยๆก็ดีขึ้น แต่แค่ประมาณ10% น้อยกว่าเกือบครึ่งนึง

ในทางกลไกนั้น คิดว่าอาจจะเป็นไปได้หลายสาเหตเช่น การหลั่งของ vasodilatorบางตัวหลังออกกำลังกายหนักเช่น nitric oxide หรือแม้แต่ lactate ที่สูงขึ้น #โดยเฉพาะในตอนออกกำลังกายหนักๆ อาจจะส่งผลฉับพลันตรงนี้ทำให้หลอดเลือดขยายตัวดีขึ้น

ที่อยากสรุปคือ intensityในการคาดิโอสำคัญอยู่นะ การทำ HIITรวมด้วยในระยะยาว น่าจะดีต่อหลอดเลือดมากขึ้น มากกว่า แค่แช่คาดิโอในโซนเบาๆนานๆ โดยเฉพาะในคนที่เป็นเบาหวาน หรือมีปัญหาmetabolic syndromes

🏃🏻‍➡️High intensity exercise is the must, about 20% of your total time of exercise should be spending on this high-intensity zone.