Ten-Five-Three Model for Resistance Training

โมเดล 10-5-3 แนวทางสำหรับการวางโปรแกรมฝึกเวทเทรนนิ่ง ที่ใช้ได้กับทั้ง #นักกีฬา และ #สายสุขภาพ
 

 

 
ออกตัวก่อนเลยว่า "ผมbiasedหนักมาก ผมชอบแนวทางนี้มาก และผมดันสุดๆสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า ฉันจะเริ่มตรงไหนดี ให้ทำตามแนวทางนี้ เพราะมันmake senseสุดๆ และเข้าใจง่ายมากๆ"
😊
✅
10 หมายถึง เลือกน้ำหนักที่ยกได้ประมาณ 10 ครั้งก่อน
 
โฟกัสที่เรื่องของ :
เทคนิคการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง
ความสามารถในการออกแรงตามแนวแรงที่ควรเป็น
สร้างความแข็งแรงพื้นฐาน
ทั้งหมดนี้เพื่อจะเป็น ฐานของการต่อยอดต่อไป
 
📍
โดยการยก 10 ครั้งในช่วงแรกนี้ ให้เน้นที่ท่าฝึกที่เน้นการเคลื่อนไหวพื้นฐานได้แก่ Squat, Step, Hinge, Lunge, Push, Pull และ Carry
 
ประโยชน์ที่เราคาดหวังได้จากการฝึก น้ำหนักที่ยกได้ ประมาณ10ครั้งนี้อาจจะรวมถึง การปรับbody composition การพัฒนาenergy metabolism ให้เหมาะสมกับกิจกรรมพวกเวทเทรนนิ่ง สร้างพื้นฐานstrengthที่จะเอาไปต่อยอดในมิติต่างๆ
 
✅
5 หมายถึง เลือกน้ำหนักที่ยกได้ประมาณ 5 ครั้ง (แน่นอนว่าตัวเลขต่ำลง หมายความว่า ความหนักต้องเพิ่มขึ้น ประมาน 85%1RM)
 
โฟกัสที่เรื่องของ :
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นหลัก เพื่อสร้างการปรับตัวที่จะรับกับstressorsในอนาคตที่จะเข้ามา ซึ่งการมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่สูงมากขึ้น เวลาไปเจอ stress ไม่ว่าจะจากการแข่งขันก็ดี (ถ้าเป็นนักกีฬา) หรือ จากชีวิตประจำวันก็ดี (ถ้าเป็นคนปกติ)จะทำให้เรารับมือได้มากขึ้น และความแข็งแรงสูงสุดยังเป็นพื้นฐานขอ power ด้วย
 
📍
โดยการยก 5 ครั้งในช่วงนี้ ให้เน้นท่าฝึกที่สามารถออกแรงได้มากๆ เน้นcompound exercise เป็นหลัก เช่น barbell back/front squat, Barbell bench press, Barbell overhead press, barbell deadlift, Trap bar deadlift
 
✅
3 หมายถึง เลือกน้ำหนักที่จะยก 3 ครั้ง แต่คราวนี้แตกต่างจากเพื่อนนิดหน่อย ไม่ต้องใช้น้ำหนักเยอะมาก แต่ให้เน้น ยกไวๆ
 
โฟกัสที่เรื่องของ :
การ transfer strength ที่มี ไปสู่การออกแรงไวๆในระยะเวลาที่จำกัด จริงๆช่วงนี้จะรวมไปถึงการฝึกพวก explosive, ballistic หรือ plyometric exerciseด้วย
📍
โดยการยก 3 ครั้งไวๆแบบนี้ ให้โฟกัสที่ ท่าฝึกเช่น Landing, Jumping, Throwing (พวกนี้ไม่ต้องพึ่งพาน้ำหนักเยอะ แต่เน้นทำไว) หรือ Clean variations, Jerk variations, และ Snatch variations (พวกนี้จะเน้นใช้ท่าทางของolympic lifting มากขึ้นเพราะสามารถกระชากจะหวะเร่งได้)
ทำไมผมบอกว่า โปรแกรมนี้เหมาะกับทั้ง #นักกีฬา และ #สายสุขภาพ
❓
ถ้าเราไปดู รูปสามเหลี่ยมในภาพ สามเหลี่ยมนี้เรียกว่า Triple Triangle Complex System Model โดยแต่ละมุมก็จะมีคำว่า HEALTH PERFORMANCE และ FITNESS อยู่ โดยโมเดลที่ใช้กันบ่อยๆในนักกีฬา ที่มีเป้าหมาย Performanceเป็นหลักเลยมักใช้โมเดลที่เรียกว่า PPP หรือ Prevent-Prepare-Performance เป้าหมายของ PPPนั้นทำเพื่อ ศักยภาพทางการกีฬาสูงสุดและทำให้นักกีฬาต่อยอดไปได้เรื่อยๆโดยไม่บาดเจ็บนัก แต่ TFT model จะเน้นที่การปูพื้นฐานมากขึ้น มีการไล่จาก 10 reps ทำfoundationdก่อน ไต่ไป maximum strength 5 reps และจบที่ power 3 reps ซึ่ง ถ้ามองเป็นstep ถือว่าเป็นโมเดล ที่เอาไปต่อยอดไปสู่ PPP ในอนาคตได้ ส่วนโมเดล ADP นั้น ย่อมาจาก Assess-Develop-Perform อันนี้ไม่ค่อยเน้นทางกีฬาเท่าไหร่ (นึกภาพเช่น อ่า ประเมินก่อน เป็นไรครับ ตรงนี้weak แก้นี้หน่อย ทำนั้นดีขึ้นไหม อะไรพวกนี้ จะไม่ได้เน้นความเป็นเลิศมากมาย) ฉะนั้นจะเห็นว่า TFT จะมีความ #ได้หมดทั้งสองทาง มากกว่า #สุขภาพก็ได้ #กีฬาก็ได้
 
โดยการเอา TFT model ไปยัดในโปรแกรมฝึกนั้น สามารถทำตามช่วง ของperiodizationได้เลย
👌
 
🔹
เช่น GP หรือ General preparation (ช่วงเตรียมตัวทั่วไป)
ก็ให้เน้น ที่ยก 10 reps เป็นหลัก ส่วน 5 repsกับ3 reps ให้ถือเป็นความสำคัญรองลงมา (หรือจะไม่ฝึกเลยก็ได้สำหรับผมนะ)
🔹
ช่วง SPP หรือ Specific physical preparation (เตรียมเข้าฤดูกาล)
ก็ให้เน้น 5 reps เป็นหลัก รองลงมาคือ 3 และน้อยสุดคือ 10
🔹
ส่วนช่วง CP หรือ Competition (แข่งขัน)
ให้เน้น 3 reps เป็นหลัง 5 > 10 reps รองลงมา
 
📚
ความเห็นในงานวิจัยแนะนำว่า ทำเป็น Circuit fashion ก็ได้ (แต่ผมไม่ค่อยชอบนะส่วนตัว555ผมว่ามันปนกันเกินไป)โดยเขาเสนอว่าก็เล่น เป็น ระบบ ตามตัวเลขได้ เช่น ถ้าเป็นช่วง GP ท่าแรกเล่น 10 reps ก่อน ท่าต่อไป 5 reps ท่าต่อไป 3reps อะไรงี้ ทำได้แหละ แต่ผมว่า เราแบ่งความสำคัญเป็นช่วงๆไปจะชัดเจนกว่า
 
 
Table 4 คือท่าฝึกที่แนะนำจาก The Coach’s Strength Training Playbook: Featuring the Tier System สามารถใช้ท่าพวกนี้ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละ phase สำหรับคนที่คิดท่าไม่ออก
 
⭕️
ทีนี้ความเห็นผมนะ
 
ผมว่า โมเดลนี้ดีมาก ผมจะขอโฟกัสที่ว่า ทำไมคนทั่วไปทำแบบนี้ได้นะ เพราะผมมองว่า คนทั่วไปก็ควรไปถึงจุดสุดยอดของ pyramid of performanceของตัวเองได้ นั้นคือการมี power ที่ดี ที่จะส่งผลให้performanceในชีวิตประจำวันดี สำหรับนักกีฬาเรารู้กันอยู่แล้วว่า power สำคัญแค่ไหน
ในคนทั่วไปถ้าคิดอะไรไม่ออก ผมแนะนำให้นะ คุณเอา GP SPP CP มาแบ่งเป็น ช่วง #เดือนต่อเดือนได้เลย ไม่ต้องสนใจมากว่านักกีฬาทำอะไรยังไง เราเอามันง่ายๆแบบนี้
 
✅
เดือนแรก เน้น 10reps เป็นหลัก เดือนที่สองเน้น 5reps และเดือนที่สามเน้น 3reps <<<<< ผมว่าโมเดลง่ายๆแบบนี้ ได้ผลแล้ว สำหรับคนทั่วไป ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นและการฝึกมีเป้าหมายมากขึ้น มากกว่าเข้ายิมยกเวท 10-12ครั้งไปวันๆ
 
✅
ประยุกต์อะ ถ้าอยากกล้ามใหญ่หน่อย เน้น 10reps สัก6เดือน 5reps 1 เดือน 3 reps 1 เดือน
 
✅
หรืออยากเน้น function จะไปแข่ง HYROX มีประสบการณ์มาแล้วพอตัว 10repsอาจจะเล่นแค่2-3เดือน แล้วที่เหลือเน้นยืน 5repsสัก 4เดือน 3repsสัก2 เดือนก่อนแข่ง อะไรแบบนี้ก็ได้
ใครอ่านเข้าใจผมถือว่า พื้นฐานดีนะครับ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เขียนเยอะผมเริ่มมึน5555 สรุปคือ ชอบครับ 10-5-3 model ไปประยุกต์กันเอา ใครชอบกดแชร์ ไม่ชอบผ่านได้เลย อย่าดราม่า
😘
👌
Muscle Clinicz

This article was updated on มิถุนายน 2, 2025