Ten-Five-Three Model for Resistance Training

ออกตัวก่อนเลยว่า "ผมbiasedหนักมาก ผมชอบแนวทางนี้มาก และผมดันสุดๆสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า ฉันจะเริ่มตรงไหนดี ให้ทำตามแนวทางนี้ เพราะมันmake senseสุดๆ และเข้าใจง่ายมากๆ"

10-5-3 นั้นหมายถึง #ตัวเลขของจำนวนครั้งที่จะฝึกในแต่ละรูปแบบ

โฟกัสที่เรื่องของ :
เทคนิคการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง
ความสามารถในการออกแรงตามแนวแรงที่ควรเป็น
สร้างความแข็งแรงพื้นฐาน
ทั้งหมดนี้เพื่อจะเป็น ฐานของการต่อยอดต่อไป

ประโยชน์ที่เราคาดหวังได้จากการฝึก น้ำหนักที่ยกได้ ประมาณ10ครั้งนี้อาจจะรวมถึง การปรับbody composition การพัฒนาenergy metabolism ให้เหมาะสมกับกิจกรรมพวกเวทเทรนนิ่ง สร้างพื้นฐานstrengthที่จะเอาไปต่อยอดในมิติต่างๆ

โฟกัสที่เรื่องของ :
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นหลัก เพื่อสร้างการปรับตัวที่จะรับกับstressorsในอนาคตที่จะเข้ามา ซึ่งการมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่สูงมากขึ้น เวลาไปเจอ stress ไม่ว่าจะจากการแข่งขันก็ดี (ถ้าเป็นนักกีฬา) หรือ จากชีวิตประจำวันก็ดี (ถ้าเป็นคนปกติ)จะทำให้เรารับมือได้มากขึ้น และความแข็งแรงสูงสุดยังเป็นพื้นฐานขอ power ด้วย


โฟกัสที่เรื่องของ :
การ transfer strength ที่มี ไปสู่การออกแรงไวๆในระยะเวลาที่จำกัด จริงๆช่วงนี้จะรวมไปถึงการฝึกพวก explosive, ballistic หรือ plyometric exerciseด้วย

ทำไมผมบอกว่า โปรแกรมนี้เหมาะกับทั้ง #นักกีฬา และ #สายสุขภาพ 
ถ้าเราไปดู รูปสามเหลี่ยมในภาพ สามเหลี่ยมนี้เรียกว่า Triple Triangle Complex System Model โดยแต่ละมุมก็จะมีคำว่า HEALTH PERFORMANCE และ FITNESS อยู่ โดยโมเดลที่ใช้กันบ่อยๆในนักกีฬา ที่มีเป้าหมาย Performanceเป็นหลักเลยมักใช้โมเดลที่เรียกว่า PPP หรือ Prevent-Prepare-Performance เป้าหมายของ PPPนั้นทำเพื่อ ศักยภาพทางการกีฬาสูงสุดและทำให้นักกีฬาต่อยอดไปได้เรื่อยๆโดยไม่บาดเจ็บนัก แต่ TFT model จะเน้นที่การปูพื้นฐานมากขึ้น มีการไล่จาก 10 reps ทำfoundationdก่อน ไต่ไป maximum strength 5 reps และจบที่ power 3 reps ซึ่ง ถ้ามองเป็นstep ถือว่าเป็นโมเดล ที่เอาไปต่อยอดไปสู่ PPP ในอนาคตได้ ส่วนโมเดล ADP นั้น ย่อมาจาก Assess-Develop-Perform อันนี้ไม่ค่อยเน้นทางกีฬาเท่าไหร่ (นึกภาพเช่น อ่า ประเมินก่อน เป็นไรครับ ตรงนี้weak แก้นี้หน่อย ทำนั้นดีขึ้นไหม อะไรพวกนี้ จะไม่ได้เน้นความเป็นเลิศมากมาย) ฉะนั้นจะเห็นว่า TFT จะมีความ #ได้หมดทั้งสองทาง มากกว่า #สุขภาพก็ได้ #กีฬาก็ได้

โดยการเอา TFT model ไปยัดในโปรแกรมฝึกนั้น สามารถทำตามช่วง ของperiodizationได้เลย 


ก็ให้เน้น ที่ยก 10 reps เป็นหลัก ส่วน 5 repsกับ3 reps ให้ถือเป็นความสำคัญรองลงมา (หรือจะไม่ฝึกเลยก็ได้สำหรับผมนะ)

ก็ให้เน้น 5 reps เป็นหลัก รองลงมาคือ 3 และน้อยสุดคือ 10

ให้เน้น 3 reps เป็นหลัง 5 > 10 reps รองลงมา


Table 4 คือท่าฝึกที่แนะนำจาก The Coach’s Strength Training Playbook: Featuring the Tier System สามารถใช้ท่าพวกนี้ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละ phase สำหรับคนที่คิดท่าไม่ออก

ผมว่า โมเดลนี้ดีมาก ผมจะขอโฟกัสที่ว่า ทำไมคนทั่วไปทำแบบนี้ได้นะ เพราะผมมองว่า คนทั่วไปก็ควรไปถึงจุดสุดยอดของ pyramid of performanceของตัวเองได้ นั้นคือการมี power ที่ดี ที่จะส่งผลให้performanceในชีวิตประจำวันดี สำหรับนักกีฬาเรารู้กันอยู่แล้วว่า power สำคัญแค่ไหน
ในคนทั่วไปถ้าคิดอะไรไม่ออก ผมแนะนำให้นะ คุณเอา GP SPP CP มาแบ่งเป็น ช่วง #เดือนต่อเดือนได้เลย ไม่ต้องสนใจมากว่านักกีฬาทำอะไรยังไง เราเอามันง่ายๆแบบนี้



ใครอ่านเข้าใจผมถือว่า พื้นฐานดีนะครับ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เขียนเยอะผมเริ่มมึน5555 สรุปคือ ชอบครับ 10-5-3 model ไปประยุกต์กันเอา ใครชอบกดแชร์ ไม่ชอบผ่านได้เลย อย่าดราม่า 



Muscle Clinicz